ปัญหาทำวิจัย (Research Problem)


ปัญหาทำวิจัย

ปัญหาการทำวิจัยเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย มีความประสงค์ให้ได้มาซึ่งคำตอบ ในการกำหนดปัญหาการวิจัย เกิดจากข้อสงสัย ค้นคว้าหาคำตอบ ซึ่งนักวิจัยจำเป็นต้องกำหนดปัญหาการวิจัยให้ชัดเจน จากประสบการณ์ทำงานวิจัย เราให้บริการรับวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัย รับวิเคราะห์ข้อมูล SPSS รีบปรึกษางานวิจัย รับแก้ไขงานวิจัย รับวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เพื่อทำวิทยานิพนธ์ ป.โท - เอก เราได้พบปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการทำวิจัย ดังนี้

1. ชื่อเรื่องการวิจัย ไม่ชัดเจน

ชื่อเรื่องงานวิจัยเป็นปัญหาสำคัญที่สุด ส่งผลให้ผู้วิจัยเกิดภาระความเครียด เนื่องจากส่วนใหญ่ชื่อเรื่องการวิจัยไม่ชัดเจน และชื่อเรื่องแคบเกินไป หรือชื่อเรื่องงานวิจัยกว้างมากเกินไปไม่ชัดเจน

2. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ไม่ชัดเจน

หลักการเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยข้อบกพร่องที่พบบ่อยส่วนใหญ่ จะอธิบายภาพรวมทั่วไปของหัวเรื่องงานวิจัยที่กำลังจะทำ แต่ขาดเหตุผลเพื่อนำมาเขียนสนับสนุน ขยายความชื่อเรื่องงานวิจัยให้ชัดเจน ส่วนใหญ่คณะกรรมการจะคำถามว่า “ เพราะเหตุใด ทำไมจึงทำวิจัยเรื่องนี้ ? ”

ตัวอย่างเช่น ศึกษาการใช้บริการโรงแรมระดับ 3 ดาวของนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมือง P จังหวัด PP ผู้วิจัยจำเป็นต้องอธิบายให้ได้ว่า ทำไมถึงทำวิจัยในสถานที่เมือง P จังหวัด PP เกี่ยวข้องอะไรกับโรงแรมระดับ 3 ดาว และมีผลต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างไร แต่ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยไม่ได้กล่าว ไม่มีข้อมูลมาสนับสนุนที่ชัดเจน ไม่ได้อธิบายเลยว่า... มีสาเหตุอะไร ทำไมจึงศึกษาการใช้บริการโรงแรมระดับ 3 ดาวของนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมือง P จังหวัด PP

3. วัตถุประสงค์ ไม่ชัดเจน

วัตถุประสงค์การวิจัยเป็นแนวทางกำหนดเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้

4. สมมติฐานการวิจัย ไม่ชัดเจน

การกำหนดสมมติฐานการวิจัย เป็นการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าสามารถหาข้อค้นพบจากการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเขียนวัตถุประสงค์กับสมมติฐานจะต้องกำหนดไปในทิศทางเดียวกัน

5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับไม่ถูกต้อง

ผู้วิจัยส่วนใหญ่มักจะนำเอาวัตถุประสงค์การวิจัยมาเขียนอธิบายประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ถือได้ว่าเขียนไม่ถูกต้อง เพราะ หลักการเขียนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ควรจะเขียนว่า ผลการวิจัยที่ได้สามารถนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร หรือเพื่อปรับปรุงพัฒนาที่เป็นประโยชน์อย่างไรมากกว่า เช่น ผลที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้สามารถนำไปพัฒนาคุณภาพการให้บริการโรงแรมระดับ 3 ดาวที่เป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนให้ดีขึ้น และตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วไปได้มากยิ่งขึ้น

6. กรอบแนวคิดการวิจัย ไม่ชัดเจน

การไม่ชัดเจนของกรอบแนวคิดการวิจัย เนื่องจาก ผู้วิจัยค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องไม่มีมากพอ ส่วนใหญ่จะนำเอางานวิจัยของคนอื่นมาใช้โดยไม่ได้ศึกษาเรื่องนั้นดีพอ จึงทำให้กรอบแนวคิดและตัวแปรที่ศึกษาไม่ชัดเจน หรือสลับตัวแปร ตัวอย่างเช่น นำเอาตัวแปรต้นไปไว้เป็นตัวแปรตาม และนำเอาตัวแปรตามไปไว้เป็นตัวแปรต้น จึงทำให้กำหนดกรอบแนวคิดงานวิจัยผิด ส่งผลกระทบต่อการทำวิจัยในภาพรวม ปิดเล่มไม่ได้

7. การทบทวนทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ชัดเจน

สาเหตุเกิดจากผู้วิจัยทบทวนวรรณกรรม ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Review of Literature) ค้นคว้าหาอ่าน งานวิจัยที่เกี่ยวข้องน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะทำวิจัยในหัวเรื่องดังกล่าวที่กำหนดเอาไว้ ทำให้กำหนดตัวแปรที่ศึกษาผิดพลาด จึงส่งผลต่อการสร้างเครื่องมือเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย และที่สำคัญผู้วิจัยคัดลอกแบบสอบถามมาจากของท่านอื่นโดยขาดการทบทวนตัวแปรต้น และตัวแปรตาม

8. ขนาดประชากรและตัวอย่าง ไม่ถูกต้อง

ตามระเบียบวิธีการวิจัย การกำหนดขนาดประชากรและตัวอย่าง เช่น กำหนดขนาดโดยใช้เปอร์เซ็นของจำนวนประชากร กำหนดโดยใช้สูตรคำนวณจากจำนวนประชากรจำนวนจริง หรือกำหนดประชากรที่ศึกษาจากกรณีไม่ทราบจำนวน หรือสามารถกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยการเปิดตารางสำเร็จรูปก็ย่อมทำได้ โดยขนาดตัวอย่างที่ได้ต้องเป็นตัวแทนที่ดีของประชากรสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่มีการลำเอียง ไม่มีอคติในการเลือกตัวอย่าง และจากตัวอย่างนี้เป็นการคำนวณขนาดประชากร ผู้พัฒนาสูตรโดย Cochran (1977)


9. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยขาดคุณภาพ

การนำเครื่องมือการวิจัยของท่านอื่นมาใช้ โดยขาดการพิจารณาตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ไม่ได้คำนึงถึงทฤษฎีและเนื้อหาของเรื่องที่ทำวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีบทบาทอย่างมากในการวิจัย การเลือกใช้เครื่องมือใดนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และลักษณะพฤติกรรมที่ต้องการจะประเมินผล ที่สำคัญจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย และต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือก่อนนำมาใช้ด้วยเช่นกัน

10. การเก็บข้อมูลไม่ถูกต้อง

ถ้าเก็บข้อมูลจากบุคคลที่เป็นตัวแทนที่ดีของประชากรสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล อาจจะใช้วิธีการเก็บไม่เหมาะสม ช่วงเวลาการเก็บข้อมูลไม่เหมาะสม เก็บข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน ขาดความสมบูรณ์ หรือมีความลำเอียงในการเก็บข้อมูล ตัวอย่างเช่น ผู้วิจัยทำการแจกแบบสอบถามช่วงเวลาพักเที่ยง 12.00 น. ในทางตรงกันข้าม ท่านคิดให้ดีๆ " ใครจะมาเสียเวลาตอบแบบสอบถามให้ท่าน.... "

11. การวิเคราะห์ข้อมูลไม่ถูกต้อง

การวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัย ผู้วิจัยอาจกำหนดใช้สถิติในการวิเคราะห์ไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ศึกษาการใช้บริการโรงแรมระดับ 3 ดาวของนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมือง P จังหวัด PP โดยกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาความสัมพันธ์ในการใช้บริการโรงแรมระดับ 3 ดาวของนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมือง P จังหวัด PP แต่ผู้วิจัยกำหนดการวิเคราะห์ข้อมูลจะทดสอบความแตกต่างของประชากรสองกลุ่มที่มีความเป็นอิสระต่อกันโดยใช้ t-test ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการทางสถิติ

12. การนำเสนอข้อมูลหรือผลการวิจัยไม่เหมาะสม

ผลการวิจัยที่ต้องการนำเสนอ อาจนำเสนอด้วยตารางข้อมูล กราฟ แผนภูมิในการนำเสนอที่ขาดความเหมาะสมควรนำเสนอผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ อธิบายข้อค้นพบจากสมมติฐานการวิจัยที่กำหนดเอาไว้ แต่ผู้วิจัยนำเสนอไม่ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ ไม่ครอบคลุมตามสมมติฐานการวิจัยที่กำหนดเอาไว้

13. การอภิปรายผลการวิจัยไม่ชัดเจน

การอภิปรายผลการวิจัย สำคัญที่สุด คือ เนื้อหาบทที่ 2 และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต้องแน่น ครบถ้วนมากที่สุด จากประสบการณ์ทำงานวิจัย เป็นที่ปรึกษาในการทำงานวิจัย วิทยานิพนธ์ ปริญญาโท - เอกได้พบข้อบกพร่องที่เป็นปัญหาในการทำงานวิจัยเกี่ยวกับการอภิปรายผลการวิจัย มากที่สุด โดยไม่นำเนื้อหาในบทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการอภิปรายให้เป็นเหตุเป็นผล เพื่อนำมาเขียนสนับสนุนข้อค้นพบที่ได้รับให้ชัดเจน

14. การเขียนข้อเสนอแนะการวิจัยไม่ชัดเจน

การเขียนข้อเสนอแนะการวิจัย เป็นลักษณะข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ในรูปแบบการปฎิบัติ และเชิงวิชาการ ผู้วิจัยเสนอแนะในสิ่งที่ตนเองเห็นว่าดีคิดเขียนออกมาโดยไม่เกี่ยวข้องกับผลการวิจัยที่ได้ โดยขาดการเสนอแนะจากข้อค้นพบผลการวิจัยที่วิเคราะห์ข้อมูลแล้ว

15. การเขียนเอกสารอ้างอิงไม่ถูกต้อง

การให้เกียรติ การให้เครดิต ผู้คิดค้นทฤษฎี เจ้าของงานวิจัย เจ้าของเครื่องมืองานวิจัย ผู้คิดค้นสูตรคำนวนประชากร การเขียนอ้างอิงแทรกในเนื้อหาและเขียนบรรณานุกรมไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ไม่อ้างอิงแทรกผู้คิดค้นทฤษฎี เจ้าของงานวิจัยในเนื้อหาที่ได้นำหรือคัดลอกของคนอื่นมาใช้ เขียนบรรณานุกรมไม่ครบ ควรเขียนระบุแหล่งที่มาของข้อมูลที่ผู้วิจัยอ้างอิงมาให้ถูกต้อง ตามหลักวิชาการ

16. การเขียนรายงานไม่ถูกต้อง

การวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ การเขียนรายงานไม่ถูกต้องตามแบบฟอร์มที่หน่วยงานกำหนดไว้ ไม่ถูกต้องตามหลักการเขียนรายงานการวิจัย ผู้วิจัยเขียนรายงานใช้ภาษาพูดมากกว่าภาษาวิชาการ ใช้คำฟุ่มเฟือย เยิ่นเย้อ หรือไม่กระชับ ประโยคฟุ่มเฟือยเป็นลักษณะประโยคที่ใช้คําเกินความจําเป็น หรือ ซํ้า ความ จึงสามารถตัดทิ้งได้โดยไม่เสียความ

จากที่กล่าวมาเป็นข้อบกพร่องที่พบอยู่เป็นประจำ ซึ่งบทความนี้ครอบคลุมถึงคำจำกัดความของปัญหาทำวิจัยประเภทต่างๆ ดังนี้

ประเภทของปัญหาการวิจัย

ปัญหาการวิจัยเป็นปัญหาหรือคำถามที่เจาะจงและชัดเจน เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการวิจัยทุกเรื่องการทำวิจัย เนื่องจากเป็นการกำหนดทิศทาง กำหนดขอบเขต และกำหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษา

ปัญหาเชิงพรรณนา

ปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการอธิบายหรือบันทึกปรากฏการณ์ เหตุการณ์ หรือสถานการณ์เฉพาะ ตัวอย่างเช่น นักวิจัยอาจตรวจสอบข้อมูลประชากรของประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น อายุ เพศ รายได้ และการศึกษา

ปัญหาเชิงสำรวจ

ปัญหาเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อสำรวจหัวข้อหรือประเด็นเฉพาะในเชิงลึก โดยมักมีเป้าหมายเพื่อสร้างแนวคิดหรือสมมติฐานใหม่ ตัวอย่างเช่น นักวิจัยอาจสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่ความพึงพอใจในงานของพนักงานในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง

ปัญหาเชิงอธิบาย

ปัญหาเหล่านี้พยายามอธิบายว่าเหตุใดปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์หนึ่งๆ จึงเกิดขึ้น และมักจะเกี่ยวข้องกับการทดสอบสมมติฐานหรือทฤษฎี ตัวอย่างเช่น นักวิจัยอาจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายกับสุขภาพจิต โดยมีเป้าหมายเพื่อพิจารณาว่าการออกกำลังกายมีผลเชิงสาเหตุต่อสุขภาพจิตหรือไม่

ปัญหาการทำนาย

ปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์หรือคาดการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคต ตัวอย่างเช่น นักวิจัยอาจตรวจสอบปัจจัยที่ทำนายความสำเร็จในอนาคตในสาขาหรืออุตสาหกรรมเฉพาะ

ปัญหาการประเมิน

ปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการประเมินประสิทธิผลของการแทรกแซง โครงการ หรือนโยบายเฉพาะ ตัวอย่างเช่น นักวิจัยอาจประเมินผลกระทบของวิธีการสอนแบบใหม่ที่มีต่อผลการเรียนรู้ของนักเรียน

วิธีกำหนดปัญหาการทำวิจัย

การกำหนดปัญหาทำวิจัยเกี่ยวข้องกับการระบุคำถาม หรือประเด็นคำถามที่ต้องการศึกษาวิจัย โดยมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามเมื่อกำหนดปัญหาการทำวิจัย ดังนี้

ระบุหัวข้อการวิจัยกว้างๆ : เริ่มต้นด้วยการระบุหัวข้อกว้างๆ ที่สนใจที่จะค้นคว้า สิ่งนี้อาจขึ้นอยู่กับความสนใจส่วนตัว การสังเกต หรือช่องว่างในวรรณกรรมที่มีอยู่

ปรับปรุงคำค้นหาการวิจัย : ตามช่องว่างหรือความไม่สอดคล้องที่พบในการศึกษาวรรณกรรม ให้จำกัดคำถามการวิจัยให้เหลือเพียงคำแถลงประเด็นปัญหาที่เจาะจง ตรงไปตรงมา และมีการกำหนดชัดเจน คำค้นหาวิจัยที่ต้องใช้งานได้จริง ตรงประเด็น และมีความสำคัญต่อสาขาวิชา

ดำเนินการทบทวนวรรณกรรม : เมื่อระบุหัวข้อกว้างๆ แล้ว ให้ดำเนินการทบทวนวรรณกรรมอย่างละเอียด เพื่อระบุสถานะปัจจุบันของความรู้ในสาขานั้น สิ่งนี้จะช่วยลดช่องว่างหรือความไม่สอดคล้องกันในงานวิจัยที่มีอยู่ซึ่งสามารถแก้ไขได้ผ่านการศึกษาของคุณ

ปรับแต่งคำถามการวิจัย : พิจารณาจากช่องว่างหรือความไม่สอดคล้องกันที่ระบุในการทบทวนวรรณกรรม ปรับแต่งคำถามการวิจัยให้เป็นข้อความปัญหาที่เฉพาะเจาะจง ชัดเจน และชัดเจนคำถามวิจัยของคุณควรเป็นไปได้ เกี่ยวข้อง และมีความสำคัญต่อสาขาวิชา

สร้างสมมติฐาน : สร้างสมมติฐานที่สรุปความเชื่อมโยงที่คาดหวังระหว่างตัวแปรต่างๆ ตามแบบสอบถามการวิจัย

กำหนดขอบเขตและข้อจำกัด : กำหนดขอบเขตและข้อจำกัดของปัญหาการวิจัยของอย่างชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้มีสมาธิกับการเรียนและทำให้แน่ใจว่าบรรลุวัตถุประสงค์การวิจัย

ยอมรับความคิดเห็น : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประเด็นการวิจัยมีความชัดเจน บรรลุผลได้ และเกี่ยวข้องกับสาขาการศึกษา โดยขอแนวคิดจากที่ปรึกษาหรือสมาชิกกลุ่มวิจัยคนอื่นๆ

ดำเนินการทบทวนการวิจัยเชิงลึก : เมื่อคุณเลือกหัวข้อกว้างๆ แล้ว ให้ดำเนินการทบทวนวรรณกรรมอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาสถานะปัจจุบันของความรู้ของสาขานั้น จะช่วยในการลดช่องว่างหรือความไม่สอดคล้องกันในการวิจัยล่าสุดที่การศึกษา และสามารถแก้ไขได้ทันเวลา

องค์ประกอบของปัญหาการวิจัย

ปัญหาการวิจัยส่วนใหญ่มีองค์ประกอบ ดังนี้

หัวข้อ : เรื่องทั่วไปหรือประเด็นที่สนใจในการวิจัยที่จะสำรวจ

คำถามการวิจัย : คำถามที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงที่การวิจัยต้องการคำตอบหรือตรวจสอบ

วัตถุประสงค์ : อธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัย จุดมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุผล และผลที่คาดว่าจะได้รับ

สมมติฐาน : การคาดเดาหรือการคาดคะเนที่มีการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรซึ่งมีการทดสอบในระหว่างการวิจัย

ตัวแปร : ปัจจัยหรือองค์ประกอบที่กำลังศึกษา วัด หรือปรุงแต่งในการวิจัย

ระเบียบวิธีวิจัย : แนวทางและวิธีการโดยรวมที่จะใช้ในการดำเนินการวิจัย

ขอบเขตและข้อจำกัด : คำอธิบายขอบเขตและพารามิเตอร์ของการวิจัย รวมถึงสิ่งที่จะรวมและไม่รวม และข้อจำกัดหรือข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้น

ความสำคัญ : ข้อความที่อธิบายถึงคุณค่าหรือผลกระทบที่เป็นไปได้ของการวิจัย การมีส่วนร่วมของงานวิจัย และวิธีที่จะเพิ่มความรู้ที่มีอยู่

 การทําวิทยานิพนธ์ เทคนิคการทําวิทยานิพนธ์ เทคนิคการทําวิทยานิพนธ์

การประยุกต์ใช้ปัญหาการวิจัย

การประยุกต์ใช้ปัญหาการวิจัย มีดังนี้

การวิจัยเชิงวิชาการ : ใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยเชิงวิชาการในสาขาต่างๆ ได้แก่ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มนุษยศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ นักวิจัยใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อระบุช่องว่างในความรู้ แก้ไขปัญหาทางทฤษฎีหรือทางปฏิบัติ และสำรวจพื้นที่การศึกษาใหม่

การวิจัยทางธุรกิจ : ปัญหาการวิจัยจะใช้เพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยทางธุรกิจ รวมถึงการวิจัยตลาด การวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค และการวิจัยองค์กร นักวิจัยใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อระบุความท้าทายทางธุรกิจ สำรวจโอกาส และพัฒนากลยุทธ์สำหรับการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ

การวิจัยด้านการดูแลสุขภาพ : ปัญหาการวิจัยจะใช้เพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยด้านการดูแลสุขภาพ รวมถึงการวิจัยทางการแพทย์ การวิจัยทางคลินิก และการวิจัยด้านบริการสุขภาพ นักวิจัยใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อระบุความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพ พัฒนาวิธีการรักษาและการแทรกแซงใหม่ๆ และปรับปรุงการส่งมอบและผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพ

การวิจัยนโยบายสาธารณะ : จะใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยนโยบายสาธารณะ รวมถึงการวิเคราะห์นโยบาย การประเมินโครงการ และการพัฒนานโยบาย นักวิจัยใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อระบุประเด็นทางสังคม ประเมินประสิทธิผลของนโยบายและโครงการที่มีอยู่ และพัฒนานโยบายและโครงการใหม่เพื่อจัดการกับความท้าทายทางสังคม

การวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม : จะใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นิเวศวิทยา และการจัดการ สิ่งแวดล้อม นักวิจัยใช้ปัญหาการวิจัยเพื่อระบุความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ประเมินผลกระทบของกิจกรรมของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และพัฒนาวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม

วัตถุประสงค์ของปัญหาการวิจัย

จุดประสงค์ของปัญหาการวิจัยคือการระบุขอบเขตของการศึกษาที่ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมและเพื่อกำหนดคำถามการวิจัยที่ชัดเจน รัดกุม และเฉพาะเจาะจง ปัญหาการวิจัยกำหนดประเด็นหรือปัญหาเฉพาะที่ต้องได้รับการแก้ไขและทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับโครงการวิจัย

การระบุปัญหาการวิจัยมีความสำคัญเนื่องจากจะช่วยกำหนดทิศทางของการวิจัยและกำหนดขั้นตอนสำหรับการออกแบบวิธีการและการวิเคราะห์การวิจัย นอกจากนี้ยังทำให้แน่ใจว่าการวิจัยมีความเกี่ยวข้องและก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่มีอยู่ในสาขานี้

ปัญหาการวิจัยที่มีรูปแบบที่ดีควร
- กำหนดประเด็นหรือปัญหาที่ต้องการตรวจสอบให้ชัดเจน
- มีความเฉพาะเจาะจงและแคบพอที่จะจัดการได้ในแง่ของเวลา ทรัพยากร และขอบเขต
- มีความเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาและมีส่วนร่วมในองค์ความรู้ที่มีอยู่
- เป็นไปได้และเป็นจริงในแง่ของข้อมูล ทรัพยากร และวิธีการวิจัยที่มีอยู่
- น่าสนใจและกระตุ้นสติปัญญาสำหรับผู้วิจัยและผู้อ่านหรือผู้ชมที่มีศักยภาพ

ลักษณะของปัญหาการวิจัย

ลักษณะของปัญหาการวิจัย หมายถึง คุณลักษณะเฉพาะที่ปัญหาต้องมีจึงจะมีคุณสมบัติเป็นหัวข้อวิจัยที่เหมาะสม ลักษณะสำคัญบางประการของปัญหาการวิจัยคือ

ความชัดเจน : ควรกำหนดปัญหาการวิจัยให้ชัดเจนและระบุในลักษณะที่ผู้วิจัยและผู้อ่านคนอื่นๆ เข้าใจได้ง่าย ปัญหาควรมีความเฉพาะเจาะจง ไม่คลุมเครือ และง่ายต่อการเข้าใจ

ความเกี่ยวข้อง : ปัญหาการวิจัยควรเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่ศึกษา และควรนำไปสู่องค์ความรู้ที่มีอยู่ ปัญหาควรระบุถึงช่องว่างในความรู้ ปัญหาทางทฤษฎีหรือทางปฏิบัติ หรือปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม

ความเป็นไปได้ : ปัญหาการวิจัยควรมีความเป็นไปได้ในแง่ของความพร้อมของข้อมูล ทรัพยากร และวิธีการวิจัย การดำเนินการศึกษาควรเป็นไปตามความเป็นจริงและปฏิบัติได้ภายในเวลา งบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่

ความแปลกใหม่ : ปัญหาการวิจัยควรเป็นเรื่องแปลกใหม่หรือแปลกใหม่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ควรนำเสนอมุมมองใหม่หรือนวัตกรรมเกี่ยวกับปัญหาที่มีอยู่ หรือควรสำรวจพื้นที่การศึกษาใหม่หรือใช้ทฤษฎีที่มีอยู่กับบริบทใหม่

ความสำคัญ : ปัญหาการวิจัยควรมีความสำคัญหรือมีนัยสำคัญในแง่ของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในสนามหรือสังคม ควรมีศักยภาพในการผลิตความรู้ใหม่ พัฒนาทฤษฎีที่มีอยู่ หรือแก้ไขปัญหาสังคมเร่งด่วน

ความสามารถในการจัดการ : ปัญหาการวิจัยควรจัดการได้ในแง่ของขอบเขตและความซับซ้อน ข้อมูลควรเจาะจงเพียงพอที่จะตรวจสอบภายในเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่ และควรกว้างพอที่จะให้ผลลัพธ์ที่มีความหมาย

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยบางส่วน

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างปัญหาการวิจัย

ปัญหาการวิจัยทางจิตวิทยา

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยทางจิตวิทยา มีดังนี้
- สำรวจผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิตวัยรุ่นอย่างไร
- การตรวจสอบประสิทธิผลของการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมเพื่อรักษาโรควิตกกังวล
- ศึกษาผลกระทบของความเครียดก่อนคลอดที่มีต่อพัฒนาการของเด็กอย่างไร
- การวิเคราะห์ปัจจัยที่นำไปสู่การติดและการเสพซ้ำในการบำบัดสารเสพติด
- ตรวจสอบผลกระทบของลักษณะบุคลิกภาพที่มีต่อความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอย่างไร

ปัญหาการวิจัยทางสังคมวิทยา

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยทางสังคมวิทยา มีดังนี้
- การตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสนับสนุนทางสังคมกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพจิตในชุมชนชายขอบ
- ศึกษาผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อตลาดแรงงานและโอกาสในการจ้างงาน
- การวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบของพื้นที่ในเขตเมือง
- การสำรวจผลกระทบของโครงสร้างครอบครัวต่อการเคลื่อนไหวทางสังคมและผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ
- ตรวจสอบผลกระทบของทุนทางสังคมต่อการพัฒนาและความยืดหยุ่นของชุมชน

ปัญหาการวิจัยทางเศรษฐศาสตร์

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ มีดังนี้
- ศึกษาผลกระทบของนโยบายการค้าต่อการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
- การวิเคราะห์ผลกระทบของระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ต่อตลาดแรงงานและโอกาสในการจ้างงาน
- ศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความยากจน
- ตรวจสอบผลกระทบของนโยบายการคลังและการเงินต่ออัตราเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษากับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ เช่น รายได้และการจ้างงาน

ปัญหาการวิจัยทางรัฐศาสตร์

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยทางรัฐศาสตร์ มีดังนี้
- ศึกษาต้นกำเนิดและผลกระทบของการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายและการแบ่งแยกทางการเมือง
- ศึกษาอิทธิพลของกลุ่มสังคมต่อการเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจของรัฐบาล
- ตรวจสอบว่าการสื่อสารและสื่อส่งผลต่อวาทกรรมทางการเมืองและความรู้สึกของประชาชนอย่างไร
- การประเมินว่าระบบการเลือกตั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการบริหารงานตามระบอบประชาธิปไตยได้ดีเพียงใด
- ศึกษาผลกระทบของกลุ่มข้ามชาติและข้อตกลงต่อความมั่นคงและการบริหารระหว่างประเทศ

ปัญหาการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มีดังนี้
- ศึกษาผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์
- การตรวจสอบผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่าต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
- การวิเคราะห์ผลกระทบของการทำให้เป็นกรดในมหาสมุทรต่อระบบนิเวศทางทะเลและใยอาหาร
- ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาเมืองกับความยืดหยุ่นของระบบนิเวศ
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของนโยบายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในการส่งเสริมความยั่งยืนและการอนุรักษ์

ปัญหาการวิจัยทางการศึกษา

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยทางการศึกษา มีดังนี้
- การตรวจสอบผลกระทบของการฝึกอบรมครูและการพัฒนาวิชาชีพต่อผลการเรียนรู้ของนักเรียน
- ศึกษาประสิทธิผลของการเรียนรู้เสริมเทคโนโลยีในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
- วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดช่องว่างทางผลสัมฤทธิ์และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
- ตรวจสอบผลกระทบของการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองต่อแรงจูงใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
- ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการศึกษาทางเลือก เช่น โฮมสคูลและการเรียนรู้ออนไลน์

ปัญหาการวิจัยทางประวัติศาสตร์

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยในประวัติศาสตร์ มีดังนี้
- วิเคราะห์ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นและการล่มสลายของอารยธรรมโบราณ
- การสำรวจผลกระทบของลัทธิล่าอาณานิคมต่อสังคมและวัฒนธรรมพื้นเมือง
- ศึกษาบทบาทของศาสนาในการสร้างความเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคมตลอดประวัติศาสตร์
- วิเคราะห์ผลกระทบของการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม
- ตรวจสอบสาเหตุและผลกระทบของความขัดแย้งทั่วโลก เช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

ปัญหาการวิจัยทางธุรกิจ

ตัวอย่างปัญหาการวิจัยทางธุรกิจ มีดังนี้
- ศึกษาผลกระทบของความรับผิดชอบต่อสังคมต่อชื่อเสียงของตราสินค้าและพฤติกรรมของผู้บริโภค
- การตรวจสอบประสิทธิภาพของโปรแกรมการพัฒนาความเป็นผู้นำในการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กรและความพึงพอใจของพนักงาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยที่นำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จและการพัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก
- ตรวจสอบผลกระทบของการควบรวมกิจการต่อการแข่งขันในตลาดและสวัสดิการผู้บริโภค
- ศึกษาประสิทธิผลของกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญโฆษณา ในการส่งเสริมการรับรู้ตราสินค้าและการขาย

คู่มือทำวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คู่มือทำวิทยานิพนธ์

ตัวอย่างโจทย์วิจัยสำหรับนักศึกษา

ตัวอย่างของปัญหาการวิจัยสำหรับนักเรียนอาจเป็น ดังนี้

“การใช้โซเชียลมีเดียส่งผลต่อผลการเรียนของนักเรียนมัธยมปลายอย่างไร”

ปัญหาการวิจัยนี้มีความเฉพาะเจาะจง วัดผลได้ และตรงประเด็น มีความเฉพาะเจาะจงเพราะเน้นไปที่ความสนใจเฉพาะด้าน ซึ่งก็คือผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์ที่มีต่อผลการเรียน สามารถวัดผลได้เนื่องจากผู้วิจัยสามารถรวบรวมข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียและผลการเรียนเพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งสอง มีความเกี่ยวข้องเนื่องจากกล่าวถึงปัญหาปัจจุบันและสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อนักเรียนมัธยมปลาย

ในการดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับปัญหานี้ ผู้วิจัยอาจใช้วิธีการต่างๆ เช่น การสำรวจ การสัมภาษณ์ และการวิเคราะห์สถิติของบันทึกทางวิชาการ ผลการศึกษาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โซเชียลมีเดียกับผลการเรียน ซึ่งจะช่วยให้นักการศึกษาและผู้ปกครองพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการการใช้โซเชียลมีเดียของนักเรียน

อีกตัวอย่างหนึ่งของปัญหาการวิจัยสำหรับนักเรียน

“การเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรส่งผลต่อผลการเรียนของนักเรียนมัธยมต้นหรือไม่”

ปัญหาการวิจัยนี้ยังมีความเฉพาะเจาะจง วัดผลได้ และตรงประเด็นอีกด้วย มีความเฉพาะเจาะจงเนื่องจากมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมประเภทใดประเภทหนึ่ง กิจกรรมนอกหลักสูตร และผลกระทบต่อผลการเรียน สามารถวัดผลได้เนื่องจากผู้วิจัยสามารถรวบรวมข้อมูลการมีส่วนร่วมของนักเรียนในกิจกรรมนอกหลักสูตรและผลการเรียนของนักเรียนเพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งสอง มีความเกี่ยวข้องเนื่องจากกิจกรรมนอกหลักสูตรเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ในโรงเรียนมัธยม และผลกระทบต่อผลการเรียนเป็นหัวข้อที่นักการศึกษาและผู้ปกครองสนใจ

ในการดำเนินการวิจัยปัญหานี้ ผู้วิจัยอาจใช้แบบสำรวจ สัมภาษณ์ และวิเคราะห์ผลการเรียน ผลการศึกษาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมนอกหลักสูตรกับผลการเรียน ซึ่งสามารถช่วยนักการศึกษาและผู้ปกครองในการตัดสินใจเกี่ยวกับประเภทของกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับนักเรียนมัธยมต้น

ข้อดีของปัญหาการวิจัย

ข้อดีของการกำหนดปัญหาการวิจัยไว้ มีดังนี้

ความชัดเจน : ควรกำหนดปัญหาการวิจัยให้ชัดเจนและระบุในลักษณะที่ผู้วิจัยและผู้อ่านคนอื่นๆ เข้าใจได้ง่าย ปัญหาควรมีความเฉพาะเจาะจง ไม่คลุมเครือ และง่ายต่อการเข้าใจ

จุดเน้น : ปัญหาการวิจัยให้ทิศทางที่ชัดเจนและมุ่งเน้นในการศึกษาวิจัย ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาเป็นไปตามแผนและไม่เบี่ยงเบนไปจากคำถามการวิจัย

ความชัดเจน : ปัญหาการวิจัยให้ความชัดเจนและความเฉพาะเจาะจงกับคำถามการวิจัย ช่วยให้มั่นใจว่าการวิจัยไม่กว้างหรือแคบเกินไป และมีการระบุวัตถุประสงค์ของการวิจัยอย่างชัดเจน

ความเกี่ยวข้อง : ปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาวิจัยนั้นเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาและก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่มีอยู่ กล่าวถึงช่องว่างในความรู้ ปัญหาทางทฤษฎีหรือทางปฏิบัติ หรือปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม

ความเป็นไปได้ : ปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาวิจัยมีความเป็นไปได้ในแง่ของความพร้อมใช้งานของข้อมูล ทรัพยากร และวิธีการวิจัย ทำให้มั่นใจได้ว่าการวิจัยเป็นจริงและนำไปปฏิบัติได้ภายในเวลา งบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่

ความแปลกใหม่ : ปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาวิจัยนั้นเป็นต้นฉบับและเป็นนวัตกรรมใหม่ เป็นการนำเสนอมุมมองใหม่หรือไม่เหมือนใครเกี่ยวกับปัญหาที่มีอยู่ สำรวจขอบเขตการศึกษาใหม่ หรือใช้ทฤษฎีที่มีอยู่กับบริบทใหม่

ความสำคัญ : ปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาวิจัยมีความสำคัญและมีความสำคัญในแง่ของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในสาขาหรือสังคม มีศักยภาพในการผลิตความรู้ใหม่ พัฒนาทฤษฎีที่มีอยู่ หรือแก้ไขปัญหาสังคมเร่งด่วน

ความเข้มงวด : ปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาวิจัยนั้นเข้มงวดและเป็นไปตามวิธีการและแนวปฏิบัติการวิจัยที่กำหนดไว้ ทำให้มั่นใจได้ว่าการวิจัยดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีวัตถุประสงค์ และไม่ลำเอียง

ประโยชน์ของปัญหาการวิจัย

ต่อไปนี้เป็นประโยชน์บางประการของปัญหาการวิจัยที่ระบุ

1. โฟกัส ปัญหาการวิจัยทำให้การสอบสวนมีทิศทางที่เฉพาะเจาะจงและเข้มข้น ช่วยให้มั่นใจได้ว่าปัญหาการวิจัยไม่เบี่ยงเบนและการศึกษาดำเนินต่อไปตามหลักสูตร

2. ความชัดเจน ปัญหาการวิจัยจะทำให้บริบทและจุดเน้นของหัวข้อการวิจัย ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาไม่กว้างเกินไปหรือเน้นมากเกินไปและมีการอธิบายเป้าหมายอย่างเหมาะสม

3. ความเกี่ยวข้อง ปัญหาการวิจัยรับประกันได้ว่าการศึกษามีความเกี่ยวข้องกับหัวข้อการศึกษาและเพิ่มเข้าไปในองค์ความรู้ในปัจจุบัน โดยจะเกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ข้อกังวลที่ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม หรือความท้าทายทางทฤษฎีหรือปฏิบัติ

4. ความเป็นไปได้ ปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าการศึกษาเป็นไปได้เนื่องจากมีข้อมูล ทรัพยากร และเทคนิคการวิจัย ด้วยเวลา เงินทุน และทรัพย์สินที่มีอยู่ จึงรับประกันได้ว่าการศึกษาสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องและใช้งานได้จริง

5. ความแปลกใหม่ ปัญหาการวิจัยรับประกันความริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ของการศึกษา ให้มุมมองที่เป็นปัจจุบันหรือเป็นต้นฉบับในประเด็นที่กำลังดำเนินอยู่ สำรวจสาขาการวิจัยใหม่ล่าสุด หรือปรับทฤษฎีที่มีอยู่ให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่

6. ความสำคัญ การมีอยู่ของปัญหาการวิจัยทำให้มั่นใจได้ว่าความสำคัญและความสำคัญของการศึกษาเนื่องจากอิทธิพลที่อาจเกิดขึ้นในด้านการวิจัยหรือสังคมนั้นมีความสำคัญทั้งคู่ สามารถให้ข้อมูลใหม่ พัฒนาทฤษฎีที่สร้างขึ้น หรือแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญได้

7. ความแข็งแกร่ง ปัญหาการวิจัยรับประกันได้ว่าการศึกษามีความเข้มงวดและสอดคล้องกับขั้นตอนการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการวิเคราะห์จะดำเนินการอย่างเป็นระบบ เป็นกลาง และเป็นกลาง

ปรึกษางานวิจัย

โทร : 086-0355199


Research for SPSS STATA LISREL AMOS Mplus EViews

รับทำวิจัย รับวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS , STATA , LISREL , AMOS , Mplus และ EViews เลื่อนระดับ ผลงานทางวิชาการ รับทําวิจัยทางการแพทย์ ทำวิทยานิพนธ์ ป.โท ดุษฎีนิพนธ์

สอบถาม : 086-035-5199

สอบถามผ่าน Line ด้วย QR Code


รับงานวิจัย

รับงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับด้านบริหารธุรกิจ การจัดการ การตลาด การท่องเที่ยว การโรงแรม สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ บริหารการศึกษา สังคมศาสตร์ สาธารณสุข รับวิเคราะห์ข้อมูล งานวิจัยทางการแพทย์ และ การพยาบาล รับปรึกษางานวิจัย ฟรี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ ป.โท - เอก รับเขียนบทความทางวิชาการ Thai - INTER (ตัวอย่าง บทความ COVID-19)

อ่านเพิ่มเติม


รับวิเคราะห์สถิติ

เรา คือ ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย ANOVA , Chi-Square , Pearson's Correlation , Cluster Analysis , Discriminant Analysis , Multiple Regression , Linear Regression , Path Analysis และ Factor Analysis เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้านตัวเลข หาข้อค้นพบที่ได้จากงานวิจัยเป็นหลัก

รับทำวิจัย รับวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ รับวิเคราะห์ข้อมูล SPSS

อ่านเพิ่มเติม


สาระน่ารู้